วิธีการเลือกรถลากพาเลทใช้งาน
รถลากพาเลท แฮนด์ลิฟท์ Hand Pallet truck (แฮนด์ลิฟท์)
จุดประสงค์ : ใช้เพื่อเคลื่อนย้ายพาเลทจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งควบคุมการทำงานด้วยแรงคนในการเคลื่อนที่ ยกขึ้น-ลง และบังคับทิศทาง
ชื่อที่ใช้เรียกัน มีหลายชื่อ เช่น แฮนด์ลิฟท์, แฮนด์พาเลท , รถลากพาเลท , รถยกพาเลท,ตะเข้ลากของ , Hand Lift, Hand pallet truck, Pallet Jack
สามารถแยกประเภทได้ตามด้านล่าง
1. รถลากพาเลท รุ่นมาตรฐาน เป็นแฮนด์ลิฟท์ หรือ รถลากพาเลทขนาดมาตรฐานทั่วไป ราคาถูก มีให้เลือกขนาดรับน้ำหนัก 2000-3000 kg.ซึ่งทางบริษัทจะเป็น รุ่น PT series และยังมีรถลากพาเลทความยาวงาพิเศษ สำหรับงาสั้น – งายาว เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานหรือ ขนาดพาเลท ที่ต้องการยก ซึ่งจะมีความยาวงาพิเศษ คือ 800 ,1500 ,2000 มม.
2. รถพาเลทแบบงาต่ำพิเศษ เหมาะกับพาเลทที่ทำขึ้นเอง , พาเลทที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน เช่น พาเลทไม้ พาเลทเหล็กที่มีช่องสอดงาต่ำกว่าทั่วไป ควรวัดขนาดความสูงช่องของพาเลทให้แน่นอนก่อน ซึ่งของทางบริษัทจะเป็นรุ่น HPL series มีให้เลือกขนาดรับน้ำหนัก 1000 และ 2000 kg.
3. รถลากพาเลทรับน้ำหนัก 5000kg เนื่องจากรถลากพาเลทแบบมาตรฐานที่รับได้เพียง2000-3000kg อาจจะไม่เหมาะสมกับงานที่ต้องการรับน้ำหนักบรรทุกมากจึงจำเป็นต้องมีรถลากพาเลทที่สามารถรองรับบรรทุกสำหรับงานหนัก ซึ่งจะเป็นรุ่น HP series
4. รถลากพาเลทแบบชุบกัลวาไนซ์ ผิวเคลือบสังกะสีแบบฮอตดิบ กันสนิม กันความชื้น ใช้ในงานห้องเย็น พื้นที่ชื้นแฉะ ห้องที่มีสารเคมีความสามารถกันสนิมในระดับปานกลางเนื่องจากด้านในเป็นเหล็ก เมื่อใช้งานไปนาน ผิวที่เคลือบกัลวาไนซ์ก็จะสึกหรอไปจนเข้าถึงเนื้อเหล็กได้ ราคาไม่สูงมากนักถ้าเทียบกับรุ่นมาตรฐาน ซึ่งของทางบริษัทจะเป็นรุ่น HPG series
5.รถลากพาเลทแบบสเตนเลส เป็นรถลากพาเลทที่โครงสร้างผลิตจากสเตนเลสจึงป้องกันสนิมได้ดีกว่าชุบกัลป์วาไนซ์ ใช้ในงานห้องเย็น พื้นที่ชื้นเเฉะแต่ราคาค่อนข้างแพง ซึ่งของทางบริษัทจะเป็นรุ่น HPS series
6.รถลากพาเลทแบบยกสูง รับน้ำหนักได้ 1,000-1,500 kg. ยกสูงได้ประมาณ 80 cm. ใช้ร่วมกับพาเลทแบบเปิดด้านล่าง ใช้สำหรับยกสินค้าขึ้นที่สูง เช่นยกขึ้นท้ายรถบรรทุก รถกะบะ ชั้นวางของที่มีความสูงไม่มาก เป็นต้น แต่มีข้อเสียคือในขณะยกขึ้นสูงจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ซึ่งทางบริษัทจะเป็นรุ่น JL series
7. รถลากพาเลทมีตาชั่ง เป็นรถลากพาเลทที่มีตาชั่งสำหรับชั่งของที่บางบนพาเลทเพื่อบอกน้ำหนักสินค้า มีให้เลือกขนาด 2,000 และ 2,500 kg. ใช้กับพาเลทแบบเปิดด้านล่าง เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่เรียบ แห้ง ไม่ชื้นแฉะ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการยกขึ้นลงพาเลทซึ่งทางบริษัทจะเป็นรุ่น PW series
8.รถลากพาเลทยกม้วนโรล เป็นรถที่ไม่ได้ใช้กับการยกพาเลท แต่จะไว้ใช้ลากงานม้วนทรงกระบอก เช่น ม้วนกระดาษ ม้วนผ้า มีให้เลือกตามขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของม้วนที่ต้องการยกและรับน้ำหนักได้1,500 – 1,800 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับรุ่น ดังนั้นจะต้องตรวจสอบขนาดของม้วนที่ต้องการยกก่อนเลือกรุ่นที่ต้องการใช้งานซึ่งทางบริษัทจะเป็น รุ่น HR series
วิธีการเลือกรถลากพาเลท
1. ความกว้างของรถลากพาเลท โดยทั่วไปจะมีขนาดความกว้าง 2 ขนาด
– ขนาด 685 mm หน้ากว้าง เป็น รุ่นมาตรฐานนิยมมากสุด ใช้กับพาเลทส่วนใหญ่
– ขนาด 550 mm หน้าแคบ เป็นรุ่นตัวเลือก ใช้กับพาเลทขนาดเล็ก พาเลทหน้าแคบ
ดังนั้น ก่อนซื้อรถลากพาเลท จึงจำเป็นต้องตรวจสอบขนาดช่องเสียบของพาเลท เพื่อให้แน่ใจว่าจะเลือกใช้รถลากพาเลทขนาความกว้างงาเท่าไร
ที่สามารถใช้งานร่วมกับพาเลทที่มีอยู่ได้
2.ล้อรถลากพาเลท
– ล้อโพลียูรีเทน(PU) เป็นล้อสีแดง มีความนุ่ม ยืดหยุ่น เงียบขณะลาก เหมาะกับพื้นที่ฉากเรียบ ข้อเสีย ความทนทานปานกลาง สึกหรอง่ายหากใช้ในพื้นที่หยาบกระด้าง
ไม่ทนเคมี ไม่ทนความชื้น เพราะยางจะอมน้ำ
– ล้อไนล่อน(Nylon) เป็นล้อตัวเลือก มีสีขาว แข็งแรง ทนสารเคมี ทนความชื้น เหมาะกับงานในที่ชื้น มีสารเคมีตามพื้น ข้อเสีย กระด้าง เสียงดัง เวลาลาก
วิธีการใช้งานเบื้องต้นสำหรับรถลากพาเลท ( Hand pallet truck)
วิธีการใช้งานแบบเบื้องต้นมีดังนี้
1. ยกพาเลท – ดันคันโยกลง แล้วทำการโยกด้ามจับจำทำให้งารถลากพาเลทจะยกขึ้น
2.เคลื่อนที่ – ปรับคันโยกมาตำแหน่งตรงกลาง จะเป็นตำแหน่งฟรี งาจะไม่ยกขึ้นหรือลง สำหรับการลากพาเลทเคลื่อนที่
3. พาเลทลง – ดันคันโยกหรือบีบคันโยกขึ้น จะทำให้งารถลากพาเลทลดระดับลง
ข้อแนะนำการใช้งานเพิ่มเติม
1. ควรยกขึ้นเพียงเล็กน้อย เพื่อให้สามารถเคลื่อนตัวได้ ไม่จำเป็นต้องยกขึ้นสุดนอกจากจะไม่ต้องออกแรงเกินจำเป็นแล้ว
ยังช่วยให้กระบอกยกไม่รับภาระมากเกินไป ป้องกันความเสียหาย
2. เมื่อไม่ได้ใช้งานรถลากพาเลท ไม่ควรยกของวางค้างไว้
3. ขณะใช้งานยกพาเลท ลากเคลื่อนที่ ควรอยู่ด้านหลังของด้ามจับ เพราะจะเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยขณะทำงาน ไม่ควรอยู่ใกล้ด้านของงาที่ยกของ
3. ไม่ควรนำรถไป ทิ้งไว้กลางแดด โดนฝน นานๆ เพราะจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆเสื่อมสภาพเร็วขึ้น